บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
การศึกษาการทำก้อนปลูกจากเปลือกส้มโอมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาขั้นตอนการทำก้อนปลูกและเพื่อทำการทดลองปลูกต้นไม้ผู้ศึกษาได้ทำการค้นคว้าข้อมูลที่เกี่ยวข้อง
ดังมีหัวข้อต่อไปนี้
1.
ส่วนประกอบของส้มโอ
2. ความเป็นมาของก้อนเพาะปลูก
1.
ส่วนประกอบของส้มโอ
ส้มโอเป็นผลไม้ชนิดหนึ่ง เปลือกของส้มโอจะมีน้ำมันหอมระเหยเมื่อเราสูดหายใจเข้าไปจะกระตุ้นประสาทให้ตื่นตัว ช่วยคลายเครียด สรรพคุณ : ส้มโออุดมไปด้วยวิตามินซี และแร่ธาตุ
โปรตีนคาร์โบไฮเดรตช่วยบำรุงร่างกาย แคลเซียมช่วยบำรุงกระดุกและฟัน
เหล็ก ฟอสฟอรัสวิตามินบี 1 ช่วยในการย่อยอาหาร
เสริมสร้างการทำงานของหัวใจวิตามินบี 2 ช่วยป้องกันไขมันอุดตันในเม็ดเลือด
วิตามินซีช่วยป้องกันเลือดออกตามไรฟัน ประโยชน์ :
เปลือกส้มโอมีคุณสมบัติที่ทำให้ภาชนะที่ทำจากอลูมิเนียมดูเหมือนใหม่
โดยการนำเปลือกส้มโอมาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ต้มในน้ำเดือดประมาณ 20 นาที แล้วนำเปลือกส้มโอที่ต้มแล้ว มาขัดถูกับภาชนะพร้อมกับสบู่
ทำให้ภาชนะมีความใส เงางามเหมือนใหม่ (ที่มา :http://www.oknation.net/blog/lammai/2010/12/09/entry-1) สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ เช่น
นำไปกลบใต้ต้นไม้กลายเป็นปุ๋ยโดยไม่ต้องเน่าเสียไปเฉย ๆ
หรือเปลือกทุเรียนสามารถนำไปตากแห้งเป็นเชื้อเพลิงได้
ส่วนเปลือกส้มโอก็เช่นเดียวกัน คือ
นำมาต้มทิ้งไว้สักพัก จากนั้นก็นำด้านในของเปลือกส้มโอ มาขัดถูกภาชนะพวกอลูมิเนียม
ตะหลิว ทัพพี ฯลฯ ก็จะทำให้สิ่งของเหล่านั้น เป็นเงางามเหมือนใหม่อีกครั้ง
เปลือกส้มโอส่วนที่มีสีขาวคือส่วนของเปลือกผลชั้นกลาง
(mesocarp) มีชื่อเรียกว่า albedo
และส่วนสีเขียวที่อยู่ภายนอกสุดคือเปลือกผลชั้นนอก (exocarp)
มีชื่อเรียกว่า flavedo สารสำคัญที่พบในเปลือกส้มโอ
(ทั้งส่วนที่เขียวและสีขาว) ส่วนใหญ่จะเป็นสารกลุ่มของน้ำมันหอมระเหย และสารกลุ่ม flavonoids
เช่น naringenin, naringin, hesperetin, hesperidin,
apigenin, poncirin และ eriocitin มีรายงานการวิจัยว่าสารสกัดเฮกเซนและสารสกัดเอทานอลของเปลือกส้มโอส่วนที่มีสีขาวมีฤทธิ์ยับยั้งเชื้อแบคทีเรียที่ก่อโรคในทางเดินอาหาร
เช่น Bacillus cereus, B. subtilis, Listeria monocytogenes,
Staphylococcus aureus, Escherichia coli และ Salmonella
typhimurium สรรพคุณตามตำรายาไทยพบว่าเปลือกผลใช้เป็นยาขับลม
ช่วยขับเสมหะ แก้อึดอัด แน่นหน้าอก ไอ จุกแน่น ปวดท้องน้อย
และยังไม่มีการศึกษาความเป็นพิษจากการรับประทานเปลือกผลส้มโอ(ที่มา :http://www.medplant.mahidol.ac.th/user/reply.asp?id=5694)
ทำการสกัดสารจากเปลือกส้มโอ
(Citrus grandis, L. osbeck.) ทั้งส่วนสีเขียวและส่วนสีขาว 4 สายพันธุ์คือ
พันธุ์ทองดี, ขาวแป้น, ขาวใหญ่
และปัตตาเวีย เพื่อหาสารที่สามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อรา C. cladosporioides สกัดโดยใช้เอทธานอล
95% และไดคลอโรมีเทน ทั้ง 4 สายพันธุ์
ไม่พบแถบสารที่สามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อรา
สารสกัดจากเปลือกส้มโอส่วนที่มีสีเขียวที่สกัดโดยใช้เอทธานอล 95% ทั้ง 4 สายพันธุ์ ก็ไม่พบแถบสารที่สามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อราเช่นกัน
สารสกัดจากเปลือกส้มโอ ส่วนสีเขียวที่สกัดโดยใช้ไดคลอโรมีเทน สายพันธุ์ปัตตาเวีย
ไม่พบแถบสารที่สามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อรา สายพันธุ์ขาวใหญ่
พบแถบสารที่สามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อรา 3 บริเวณ
คือ Rf 0.80, 0.50 และ 0.30 สายพันธุ์ทองดีและขาวแป้น
พบแถบสารที่สามารถายับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อรา 3 บริเวณ
ที่ตำแหน่งเดียวกันคือ Rf 0.70, 0.48 และ 0.33 สารสกัดจากเปลือกส้มโอ
ส่วนสีเขียวพันธุ์ทองดี Rf 0.70 เมื่อนำไปหา minimum inhibitory concentration (MIC) พบว่าที่ค่าความเข้มข้นของสาร 99.25 ไมโครกรัม/ไมโครลิตร
สามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อราได้
จากการวิเคราะห์โครงสร้างของสารสกัดจากเปลือกส้มโอ ส่วนสีเขียวพันธุ์ทองดี
โดยแกสโครมาโตกราฟีแมสสเปคโตรสโคปี (GC-MC), อินฟราเรดสเปคโตรสโคปี
และอัลตราไวโอเลทสเปคโตรสปี พบว่าสารสกัด Rf 0.70, 0.48 และ 0.33 เป็นสารที่มีหมู่ฟังก์ชันของแอลกอฮอล์และเอสเทอร์
(-OH) (C=O) เป็นองค์ประกอบ(ที่มา :http://www.phtnet.org/research/view-abstract.asp?research_id=ag070)
2. ความเป็นมาของก้อนเพาะปลูก
ก้อนเพาะปลูกมหัศจรรย์
วัสดุปลูกจากขุยมะพร้าวผสมหินบด
แร่บดและสารอาหารของพืชนำมาอัดเป็นก้อนผ่านความร้อนสูง
สะอาดไม่มีเชื้อราหรือต้องมากังวลกับวัชพืชซึ่งมักจะติดมากับดินถุงที่หาซื้อได้ทั่วไป ก้อนเพาะปลูกมหัศจรรย์ ก็คือขุยมะพร้าวที่อัดแน่นใช้แทนกระถาง
อุดมไปด้วยสารอาหารสำหรับพืชพอเพียงยาวนานถึงกว่า 2 ปี ก้อนเพาะปลูกมหัศจรรย์
ใช้แทนกระถาง
ไม่ง้อดินและปุ๋ยกรีนลาเต้ส์ได้มีโอกาสไปเดินชมงานเกษตรพอเพียงซึ่งจัดผ่านไปเร็วๆ
นี้ ในงานมีสินค้าเกษตรและนวัตกรรมที่มาจากความคิดสร้างสรรค์ของเกษตรกรตัวจริงมากมาย
หนึ่งในนวัตกรรมที่กำลังกล่าวถึงคือ ก้อน
เพาะปลูกมหัศจรรย์ เป็นงานวิจัยของคนไทยที่สามารถนำมาพัฒนาต่อยอดเป็นสินค้าใช้ได้จริง
มีรางวัลมากมายเป็นตัวรับประกันถึงคุณภาพและคุณประโยชน์ที่มีต่อพืชก้อนเพาะปลูกที่ทำขึ้นด้วยขุยมะพร้าว
มีส่วนผสมของหินบด แร่บดและสารอาหารจำเป็นของพืช นำมาอัดเป็นก้อนใช้แทนกระถาง
มีหลากหลายขนาดให้เลือกใช้ตามขนาดของพืช
ไม่มีเศษดินหกเลอะเทอะเวลารดน้ำทำให้เป็นที่นิยมนำไปใช้สำหรับเพาะปลูกในสถานที่ต่างๆ
ทั้งภายในอาคารและภายนอก(ที่มา :http://www.greenlattes.com/green-design-ideas/green-garden-ideas/311-plant-with-coir-pot)
ผลงานดังกล่าวมาจากคนช่างคิดช่างทำ
อย่าง “อรชุน แก้วกังวาล” กรรมการผู้จัดการบริษัท
รุ้งสวรรค์ จำกัด ซึ่งบุกเบิกมาตั้งแต่ พ.ศ. 2535 โดยพื้นฐานเรียนจบจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ
สาขาเทคโนโลยีการผลิตอุตสาหกรรม
เคยทำงานอยู่ที่สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) ถึง 25
ปี ก่อนออกมาประกอบอาชีพส่วนตัว
|
|||
เขา เล่าว่า รักการทำเกษตรมาก ในช่วงแรกขุดบ่อเลี้ยงปลาสวยงาม
และทาบกิ่งต้นไม้ขายควบคู่กันไป ทว่า พบปัญหายุ่งยากเรื่องการดูแลต้นไม้
ที่ต้องคอยใส่ปุ๋ย พรวนดิน และรดน้ำต้นไม้
จุดนี่เองทำให้อยากหาวิธีที่จะดูแลต้นไม้ได้ง่ายๆ จึงทดลองทำก้อนเพาะปลูกต้นไม้ที่อยู่รอดและเติบโตได้เอง
โดยไม่ต้องคอยใส่ปุ๋ยพรวนดิน ซึ่งกว่าจะสำเร็จใช้เวลากว่า 3 ปี กับทุนอีกหลักแสนบาท
|
|||
ปลูกต้นคุณนายตื่น สายก้อนเพาะปลูกมหัศจรรย์
ทำจากวัสดุหลักประกอบด้วย ขุยมะพร้าว และหินบด-แร่บด ซึ่งประกอบไปด้วยสารอาหารที่จำเป็นของต้นไม้กว่า
10 ชนิด โดยขั้นตอนผลิตเริ่มจากนำขุยมะพร้าวผสมหินบด-แร่บด
นำไปอัดเป็นก้อน หลังจากนั้นนำมาฆ่าเชื้อ โดยผ่านความร้อนสูง เพื่อฆ่าเชื้อรา
แล้วใส่บรรจุภัณฑ์
|
|||
ทั้งนี้
ก้อนเพาะที่ผ่านกระบวนการผลิตจะมีความโปร่งไม่แน่นตัว
ทำให้รากต้นไม้สามารถกระจายได้ทั่วถึง รวมถึง
ก้อนเพาะยังสามารถเก็บความชื้นได้นานและอุ้มน้ำได้ดี
เมื่อถูกน้ำแล้วไม่ยุบตัวหรือเปื่อยยุ่ย สามารถนำไปปลูกพืชใต้น้ำได้ด้วย
อรชุน อธิบายต่อว่า จากการทดลอง สามารถปลูกต้นไม้ได้กว่า 300 ชนิด เช่น กล้วยไม้ ตะบองเพชร ผักปลอดสารพิษ ไม้น้ำ ไม้ว่าน ฯลฯ ยกเว้นเฉพาะพืชที่มีระบบรากแรง เพราะรากจะเติบโตจนแทงทะลุทำให้ก้อนเพาะแตก สำหรับอายุใช้งานอย่างต่ำ 2 ปีโดยไม่ต้องใส่ปุ๋ยเพิ่ม แต่พืชบางชนิด เช่น ตะบองเพชร จากวันแรกที่ทดลองปลูกถึงปัจจุบันกว่า 15 ปี ก็ยังอยู่รอดได้ สำหรับวิธีการปลูก เริ่มจากนำก้อนเพาะปลูกไปแช่ในน้ำ ประมาณ 2-24 ชม. จากนั้น ขุดหลุมบนก้อนเพาะปลูก เพื่อทำการปลูก ซึ่งทำได้หลากหลาย ทั้งเพาะเมล็ด ปักชำ หรือย้ายกล้ามาปลูก เป็นต้น ส่วนการดูแลแค่วางก้อนเพาะปลูกในพื้นที่ร่มหรือกลางแจ้งตามความเหมาะสมของพืชแต่ละชนิด จากนั้น รดน้ำดูแลตามปกติ หรือในกรณีไม่มีเวลารดน้ำ ให้วางแช่น้ำบนถาดรอง ก้อนเพาะจะดูดน้ำไปเลี้ยงลำต้นได้เอง โดยไม่ต้องคอยรดน้ำ |
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น